คลังเก็บหมวดหมู่: ข่าวเด่น

ช่วยกันตรวจ”บทเรียนป.1″บนแท็บเล็ต

ถึงแม้วานนี้ มหาวิทยาลัยศรีนครินทร์วิโรฒ (มศว.)จะเปิดผลวิจัย การดำเนินงานโครงการนำร่องการประยุกต์และบูรณาการคอมพิวเตอร์แท็บเล็ตเพื่อการเรียนการสอนในระดับประถมศึกษาตามแนวนโยบายของรัฐบาลระยะที่ 1 หรือ โครงการแท็บเล็ต สำหรับเด็ก ป.1 ซึ่งพบว่า ถ้าจะแจกจริง ควรแจกแท็บเล็ตให้กับเด็กป.4 จะคุ้มค่ากว่าเด็กป.1 เพราะเด็กป.4 มีการเปลี่ยนแปลงในด้านการจัดการ สร้างสรรค์ ประเมิน และบูรณาการมากกว่า นอกจากนั้น ยังเรียนรู้ได้เร็วกว่า และมีโอกาสพัฒนาทักษะและวินัยในการดูแลและรับผิดชอบอุปกรณ์ไปพร้อมกันด้วย

แต่ในเมื่อ โครงการนี้กำลังเดินหน้า หลังกระทรวงไอซีที ได้ลงนามในสัญญาซื้อขายแท็บเล็ตเป็นที่เรียบร้อยแล้ว กับบ.เสิ่นเจิ้น สโคปฯ โดยแท็บเล็ต 4 แสนเครื่องแรก จะเดินทางถึงไทยภายใน 60 วันนับจากนี้ และที่สำคัญผลการศึกษายังไม่พบผลกระทบในเชิงลบอย่างชัดเจน (เพราะใช้เวลาศึกษาไม่นานพอ) ก็ต้องตระหนักและทำใจกันว่า ยังไง โครงการนี้ก็ต้องเดินต่อ

เด็ก ๆ คงกำลังตื่นเต้นกับแท็บเล็ตในปีการศึกษาใหม่ ที่จะมาพร้อมสเปกในแบบระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ 4.0 หน่วยประมวลผล 1.2 กิกะเฮิร์ตซ  หน่วยความจำหลัก 1 กิกะเฮิร์ตซ แบตเตอรี่ลิเธี่ยม 3600 แอมป์ หน้าจอ 7 นิ้ว  รับประกันสินค้า 2 ปี และดำเนินการตามมาตรฐานสากล

แต่สำหรับครู และผู้ปกครอง คงต้องร่วมเรียนรู้และรับผิดชอบร่วมกัน เพื่อให้เด็ก ๆ ได้เรียนรู้เทคโนโลยีนี้อย่างเต็มประสิทธิภาพ และไม่ส่งผลร้ายต่อตัวเด็กเอง เริ่มต้นกันที่ เนื้อหาบทเรียน ซึ่งมีทั้งหมด 5 กลุ่มวิชาคือ ภาษาไทย คณิตศาสตร์ สังคมศาสตร์ วิทยาศาสตร์ และภาษาอังกฤษ และ 8 สาระวิชา 

ซึ่งรัฐบาลได้มอบหมายให้ SIPA (สำนักงานส่งเสริมอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์แห่งชาติ) จัดทำ ซึ่งSIPA เองก็บอกว่า เนื้อหาบทเรียนออนไลน์ (Learning Object) จำนวน 336 บทเรียน มีไฟล์ย่อยมากกว่า13,600 ไฟล์ ซึ่งมากเกินกว่าที่ใครคนใดคนหนึ่งจะตรวจความถูกต้องได้อย่างสมบูรณ์

“เมื่อมีความจำเป็นต้องบรรจุลงในแท็บเล็ตเพื่อแจกเด็ก เนื่องจาก ร.ร. ที่สามารถต่ออินเตอร์เน็ตได้มีเพียง 10,000 ร.ร.เท่านั้น ส่วนที่เหลืออีกประมาณ 20,000 ร.ร. ไม่มีอินเตอร์เน็ต ทำให้ต้องตรวจสอบให้แน่ใจ 100 % ว่าเด็กของเรา จะไม่ได้รับแจกบทเรียนผิดๆ ซึ่งเด็กจะจดจำไปจนตาย”

ทาง SIPA จึงมีการเผยแพร่บทเรียนในเมนู อีเลิร์นนิ่ง เพื่อให้ทั้งครู ผู้ปกครองและประชาชนได้ช่วยกันตรวจสอบ เพียงคลิกเข้าไปที่ www.dekthai.net

ข้อมูลจาก เว็บไซด์ dekthai.net

“พล.ต.นะคะมวย” ยันไม่ผิด ย้อนถาม? ไม่จับพ.ต.ท.ทักษิณ

พล.ต.นะคะมวย ผู้บัญชาการกองกำลังกะเหรี่ยง โกะทูบลอ แถลงยืนยันตัวเองไม่ผิด และจะไม่เข้ามอบตัว กรณีถูกทางการไทย โดยเฉพาะร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ประกาศว่า ตัวเขา ถูกออกหมายจับในคดียาเสพติด ส่วนข้อมูลขบวนการค้ายาเสพติด ที่เคยประกาศจะเปิดโปง เจ้าตัวบอกว่า ถ้าทางการไทยต้องการ พร้อมจะให้ ซึ่งคำแถลงเช้านี้ของเขา อาจไม่ผิดความคาดหมายของใครหลายคน แต่กลับมีประเด็นที่พล.ต.นะคะมวย ย้อนถามกลับ ต่างหาก ที่ทำเอาใครหลายคนอึ้ง!! เมื่อตั้งคำถามว่า ทำไมไม่จับพ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งศาลตัดสินแล้วว่ามีความผิด การปล่อยให้ลอยนวลอยู่แบบนี้ สะท้อนว่า กฏหมายไทยไม่มีความหมายหรือไม่

พล.ต.นะคะมวย บอกด้วยว่า รายได้ ที่นำมาเกื้อหนุนกองกำลังของเขา มาจากการเกษตร คือ ปลูกข้าวโพด และการทำเหมืองแร่ ซึ่งมีนักลงทุนจากไทยมาลงทุนในพื้นที่ของโกะทูบลอ ประเด็นนี้ จะเชื่อกันหรือไม่ คงต้องรอข้อมูล และตรวจสอบกันต่อไป

การแถลงข่าวครั้งนี้ พล.ต.นะคะมวย ยังบอกด้วยว่า จะเรียกประชุมกลุ่มกองกำลังในความดูแล เพื่อหารือ ถึงมาตรการตอบโต้ไทย แต่ถ้าเป็นไปได้ ก็อยากเปิดโต๊ะเจรจากับร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง เพื่อปรับความเข้าใจกันมากกว่า เพื่อไม่ให้ประชาชนตามแนวชายแดนเดือดร้อน  ….

ขอบคุณข้อมูล จากเนชั่นทีวี

ขอบคุณภาพ จาก @kasem_ /เกษม อินทปัทม์ ช่างภาพเนชั่นทีวี

ทำไมต้องสน?”นะคะมวย”แถลงข่าว

สำหรับคนที่ไม่ได้ติดตามข่าว พล.ต.นะคะมวย ผู้บัญชาการกองกำลังกะเหรี่ยงโกทูบลอ แบบต่อเนื่องคงสงสัยว่า ทำไม ข่าวพล.ต.กะเหรี่ยงคนนี้ มันดังจัง! หรือ ในเมื่อถูกหมายจับคดียาเสพติดตั้งแต่ปี 2546 ทำไม เพิ่งมาเป็นข่าวดังเอาเมื่อ สัปดาห์ หรือ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ในปี 2555 แล้วที่สงสัยยิ่งไปกว่านั้น “”” โอ้ โห เจ้าตัวมีการทำหนังสือเชิญสื่อไปฟังการแถลงข่าว ใหญ่โต ที่กองบัญชาการของโกทูบลอ …ง????….

10 พ.ค.2555 ณ กองบัญชาการโกทูบลอ ฝั่งตรงข้ามอ.พบพระ จ.ตากของไทย ยังไม่ชัดเจนว่า จะมีสื่อมวลชนทั้งของพม่า และสำนักข่าวต่างประเทศ รวมถึงสื่อไทย ไปรวมตัวกันเพื่อฟังการแถลงข่าวของ พล.ต.นะคะมวย ผู้บัญชาการกะเหรี่ยงโกทูบลอ ที่ลงทุนทำหนังสือเชิญบรรดาสื่อ และส่งรถไปรับถึงย่างกุ้ง และเนปิดอว์ เพื่อให้มาฟังการแถลงข่าวของตัวเอง มากน้อยขนาดไหนแต่การที่เขาคุยโวไว้ว่า จะเปิดโปงขบวนการค้ายาเสพติดที่แท้จริง ในการแถลงข่าวครั้งนี้ จึงน่าติดตามไม่น้อยว่า จะมีอะไร…หรือไม่ หรือแค่ เป็นการแถลงข่าวสร้างราคาให้กับตัวเอง หลังถูกทางการไทยขึ้นบัญชีดำเป็นผู้ค้ายาเสพติด และประโคมข่าวว่า ถูกไทยออกหมายจับในคดียาเสพติดตั้งแต่ปี 2546 เพราะมีผู้ค้ายาเสพติดที่ถูกจับกุมตัวได้ในไทย ซัดทอด….

ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ที่ออกแอคชั่นมากที่สุดกับกรณีของพล.ต.นะคะมวย ในฐานะรับผิดชอบงานด้านปราบปรามยาเสพติด แสดงท่าทีแข็งขันว่า ไม่ยี่หระกับความพยายามโต้กลับของพล.ต.นะคะมวย ไม่ว่าจะเป็นคำขู่ที่ว่า เตรียมฟ้องศาลโลก ฐานทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง หรือความพยายามล่าสุดในการเปิดแถลงข่าวต่อสื่อเป็นครั้งที่ 2 และกำลังเล็งจะไปพม่าเพื่อประสานเรื่องการจับกุมตัวพล.ต.นะคะมวย

 

ก้าวย่างของ พล.ต.นะคะมวย ครั้งนี้ จึงน่าจับตา เพราะแค่คำขู่ว่าจะตอบโต้ทางการไทยของ พล.ต.นะคะมวย ก่อนหน้านี้ ก็ทำเอา กระทบชายแดนไทย-พม่า ในเขตพื้นที่อิทธิพลของเขาใน จ.เมียวดี ฝั่งตรงข้ามอ.แม่สอด จ.ตาก ของไทย ที่ต้องเฝ้าระวัง และห้ามประชาชนเข้า-ออกชั่วคราว เพื่อความปลอดภัยแล้ว ..หากเราหวังจะเห็นการปราบปรามยาเสพติดอย่างจริงจัง การได้ฟังข้อมูลอีกด้านของคนอย่างพล.ต.นะคะมวย ก็เป็นเรื่องที่มองให้เป็นประโยชน์ได้ แม้ฝ่ายความมั่นคงของไทย จะไม่ให้ราคา และไม่ต้องการให้สื่อไทย เข้าไปร่วมเป็นกระบอกเสียงของพล.ต.นะคะมวยด้วยก็ตาม

พท.รับจำเป็น..กดบัตรแทนกัน..

             

เช้านี้นอกจากที่ประชุมร่วมรัฐสภา จะถกเถียงกันถึงเรื่องของ การกดบัตรแทนกัน ระหว่างการพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 291 ที่มีทั้งส.ว.กรุงเทพฯ รสนา โตสิตระกูล และส.ส.อย่างนายชูวิทย์ กมลวิศิษฐ์ นำหลักฐานเป็นภาพและคลิป มาเปิดเผยแล้ว เชื่อว่า ยังกลายเป็นประเด็นที่มีการนำไปวิพากษ์วิจารณ์กันในหลายแวดวง บางคน ก็คงได้แต่ส่ายหน้า และมองว่า เป็นเรื่องปกติ ธรรมดา ของบรรดาผู้แทนปวงชน ที่ไม่มีความรับผิดชอบ และขาดสำนึก ขณะที่บางคนก็วิพากษ์วิจารณ์ว่า แม้แต่ผู้แทนปวงชนชาวไทย ที่เป็นคนร่างกฏหมาย กลับเป็นคนทำผิดกฏหมายเสียเอง

บรรดาแกนนำรัฐบาล ต่างถูกตั้งคำถาม ซึ่งก็มีคำตอบหลากหลาย ทั้งจาก น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ซึ่งตอบคำถามกรณีที่นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ หัวหน้าพรรครักประเทศไทย นำคลิปออกมาเปิดเผยว่า มี ส.ส. 6 คนจากพรรครัฐบาลกดบัตรแทนกันว่า “เรื่องนี้ ต้องตรวจสอบข้อเท็จจริงก่อน อะไรไม่ถูกต้องตักเตือนกัน ขณะเดียวกันหากผลตรวจสอบแล้วผิดจริง พรรคมีบทลงโทษอยู่แล้ว”

ขณะที่นายวรชัย เหมะ ส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย อภิปรายยอมรับว่า “มีการกดบัตรแสดงตนแทนกันจริง เนื่องจากช่วงเวลาอภิปรายยาวนาน มีส.ส.และส.ว.ต้องลุกออกไปทำธุรนอกห้อง รวมถึงออกไปรับประทานอาหาร แต่เมื่อประธานให้แสดงตน หรือ ลงมติ ก็เข้ามากดบัตรไม่ทัน จึงต้องให้เพื่อนกดแทนให้ …เวลามีค่าของส.ส.มีความจำเป็นต้องเดินไปข้างนอกบ้าง ”

ด้านประธานสภาฯ สมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ บอกว่า “กรณีนี้ ไม่น่าจะกระทบต่อการโหวตร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ผ่านไปแล้ว ให้ตกไป เพราะมีเสียงโหวตผ่านเกิน 300 คน แต่การกดบัตรแทนกัน ถือเป็นเรื่องจริยธรรมส่วนบุคคลมากกว่า ” แต่พร้อมจะตรวจสอบเมื่อมีการส่งเรื่องมาให้กรรมการจริยธรรมฯ ตรวจสอบ

ล่าสุดกรณีนี้ ประชาธิปัตย์ ในฐานะฝ่ายค้าน เล็งจะส่งเรื่องต่อให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ต้องรอดูผลกันต่อไป แต่ที่ไม่ต้องรอ ก็คือคำถามที่วนเวียนอยู่ในใจหลายคนว่า “ทำไมกะอีแค่กดบัตรแสดงตน ยัง ไม่ซื่อสัตย์กับตัวเอง แล้วเรื่องใหญ่กว่านี้…ล่ะ”

จับตา”พ.ต.ท.ทักษิณ” อ้อนกลับไทย

ถึงแม้ตัวคุณทักษิณ ชินวัตร จะอยู่มุมใดในโลก เราก็รู้สึกได้ถึงความใกล้ชิดของเขา เพราะชื่อของ พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่เคยห่างหายไปจากหน้าสื่อ ไม่ว่าจะเป็นสื่อหลัก หรือ สื่อรอง ในโลกออนไลน์ ที่ระยะหลัง คนในแวดวงต่าง ๆ โดยเฉพาะนักการเมือง นำมาใช้เพื่อสื่อสารตรง ขณะที่สื่อหลัก ก็นำมาพาดหัวใหญ่ หรือ ตามต่อ อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ โดยเฉพาะในช่วง 3-4 วันที่ผ่านมานี้ ที่ไม่เฉพาะข่าวสารของเขาที่เข้ามาอยู่ในพื้นที่สื่อของไทย มากขึ้น ๆ  ตัวของพ.ต.ท.ทักษิณ เอง ก็เข้ามาใกล้ประเทศไทย เปรียบเหมือนการเหยียบจมูก กระบวนการยุติธรรมของไทยดี ๆนี่เอง เมื่อมีทั้งการป่าวประกาศ เตรียมต้อนรับ การจัดงานยิ่งใหญ่ ในลาว และกัมพูชา มาเป็นเดือน ๆ พร้อมกับภาพข่าวความเคลื่อนไหวที่ปรากฏให้เห็นอย่างต่อเนื่อง …

และที่สำคัญ การออกมาตอกย้ำอีกหลายครั้งว่า จะกลับบ้าน มาอยู่กับคนเสื้อแดง ในเร็ว ๆ นี้ … อยู่ที่ว่า ความหมายของคำว่า เร็ว ๆ นี้ ของพ.ต.ท.ทักษิณ คืออะไร แต่ถ้าฟังคำให้สัมภาษณ์ของเขาวันนี้ มีหลายประโยคที่น่าคิดตาม

 “ ครั้งที่ผมกลับไทยเมื่อพรรคพลังประชาชนชนะเลือกตั้งและเป็นรัฐบาล ผู้นำบางประเทศที่เป็นเพื่อนบอกว่า อย่าคิดว่าเป็นรัฐบาลแล้วกลับไปจะปลอดภัย ขอให้ระวัง เขาอาจจะลอบฆ่าอยู่ จึงอยากให้อยู่ในสถานการณ์ที่ผมไปเดินถนนไปกินก๋วยเตี๋ยวข้างทางได้ ” พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าว”

“เมื่อถามว่ามั่นใจใช่หรือไม่ว่าในปีนี้จะได้กลับบ้านอย่างแน่นอน พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวว่า เราเป็นคนไทยเป็นคนพุทธจะนึกถึงสิ่งที่เป็นมคล และปีนี้เป็นปีมหามงคล คิดว่าในเมื่อทุกอย่างเป็นมงคลก็ควรทำให้ประเทศเราดีขึ้น การทะเลาะเบาะแว้งแบ่งฝ่ายกันทำให้สังคมเกิดความแตกแยกควรจะจบได้แล้ว เพราะจะเป็นมงคลกับประเทศด้วย

                     ผู้สื่อข่าวถามย้ำว่าจะขยายความได้หรือไม่ที่บอกว่าเป็นปีที่ดีและเป็นมหามงคลแล้วจะได้กลับบ้านหมายความว่าอย่างไร พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวว่า เราถือว่าเป็นปีมหามงคลที่สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชเจริญพระชนมายุครบ 60 พรรษา ซึ่งเราถือว่าเป็นรอบที่สำคัญ และสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนารถเจริญพระชนมายุครบ 80 พรรษา จึงรู้สึกว่าเป็นปีที่ดีก็น่าจะมีสิ่งดีๆ เกิดขึ้น ไม่ได้มีความหมายเชื่อมโยง เราเป็นคนพุทธก็พยายามคิดในสิ่งที่เป็นมงคล”…………

ขอบคุณภาพจาก อินเตอร์เน็ต / ข้อมูล จากเว็บไซด์ คมชัดลึก